เด็กเกาะเบาะ

เด็กเกาะเบาะ

หัวข้อนำทาง

เด็กเกาะเบาะ” ชื่อนี้เกมเมอร์จะต้องได้ยิน หรือต้องประสบเจอสักครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ระหว่างการเล่นจะถูกรบกวนโดยผู้เล่นด้วยกันเอง จากการถูกคอมเมนต์วิธีเล่นเกมทั้งที่ไม่ร้องขอตั้งแต่แรก ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นโมเมนต์ที่ต้องเคยสักครั้งตามร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ บทความนี่จะมาทำความเข้าใจกับ “เด็กเกาะเบาะ” หรือ Backseat Gaming วัฒนธรรมเกมมิ่งที่มีตั้งแต่ยุคอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ จนถึงยุคสตรีมเมอร์กับ Esports ซึ่งเป็นดาบสองคมที่มีทั้งข้อดีกับข้อเสีย

เด็กเกาะเบาะ อยู่คู่ในวงการมานานตั้งแต่อดีต

เด็กเกาะเบาะ หากคุณเป็นผู้ติดตามวงการสตรีมมิ่งหรือมีกิจกรรมยามว่าง ฉันชอบดูสตรีมสดมานานแล้ว เราทุกคนคงเคยเห็นคำว่า “เล่นเกมเบาะหลัง” มาก่อน หรือมีคำเตือนจากสตรีมเมอร์ว่า “ห้ามนั่งเบาะหลัง” ตามเว็บไซต์ YourDictionary คำว่า “Backseat Gaming” หมายถึงบุคคลที่แสดงความคิดเห็นในทุกการกระทำ การตัดสินใจทุกครั้งที่ผู้เล่นทำนั้นรุนแรงเกินไป หรือบางทีคุณอาจไม่ได้ขอความช่วยเหลือตั้งแต่แรกหรือจนกว่าคุณจะรำคาญคนที่เล่นเกม เช่น ความคิดเห็นที่บอกว่า “ลองนี่สิ แล้วคุณจะพบ” “แล้วการกดทักษะล่ะ?” “ศัตรูคนนี้ คนนั้น คนนั้นจะอยู่ตรงหน้าคุณ” คุณสามารถบอกได้ด้วยการดูความคิดเห็นเช่น “คุณลืมบางสิ่งที่สำคัญไป” มันยังห่างไกลจากแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งถ่ายทอดสดง่ายๆ เช่น YouTube หรือ Twitch โดยไม่ต้องไปที่นั่น เด็กเกาะเบาะร้านเกม

ในความเป็นจริง Backseat Gaming ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเท่านั้น นับตั้งแต่มีวัยรุ่นรุ่นใหม่เข้ามา พวกเขาสนใจที่จะประกอบอาชีพเป็นสตรีมเมอร์ ผู้เล่น Esports VTubers และดูสตรีมสดในเวลาว่าง อย่างไรก็ตาม เกมเหล่านี้เริ่มปรากฏตัวในช่วงกลางถึงปลายทศวรรษ 1990 ซึ่งเป็นช่วงที่ห้องพีซีครองอุตสาหกรรมเกม เพราะเกมผู้เล่นหลายคนในท้องถิ่นได้รับความนิยมมากขึ้นกว่าเดิม

เด็กเกาะเบาะ

ปลายปี 1990 เกือบทุกร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ มักมีก๊วนเกมเมอร์หลายกลุ่มมารวมตัวกันที่ร้าน เพื่อเล่นเกมในโหมด Local Multiplayer อย่าง Counter-Strike, Quake, Red Alert 2 และอื่น ๆ อีกมากมาย ด้วยธรรมชาติของเกมแนว Multiplayer ที่คนเก่งจะได้ครองแชมป์อันดับหนึ่งใน Scoreboard อยู่แล้ว จึงไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก ที่บางครั้ง เหล่าผู้เล่นจะมีการท้าดวลเล่นเกมด้วยกันเองจนเกิดการแข่งขัน Competitive ขนาดย่อม ถึงแม้การแข่งขันเล่นเกมในร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่จะเป็นสีสันอย่างหนึ่ง แล้วก่อให้กำเนิดเป็นสังคมเกมขนาดเล็ก ๆ ที่มีการแบ่งปันเทคนิคการเล่น อวดโชว์ฝีมือการเล่น กับการสนทนาในหัวข้อเกี่ยวกับวิดีโอเกมตามมา แต่แน่นอน ไม่ใช่ทุกคนในร้านอินเทอร์เน็ต ต้องการเล่นเกมเพื่อเป็น “สุดยอดเกมเมอร์” แต่มีหลายคนต้องการเล่นเกม เพื่อต้องการความสนุกสนานคลายเครียด

ด้วยสังคมคนเล่นเกมส่วนใหญ่เป็นเด็กโต วัยรุ่น ที่ไม่บรรลุนิติภาวะ จึงไม่แปลกใจเท่าไหร่ ที่บางคนจะเผลอแสดงพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความรำคาญให้คนอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ (หรืออาจจงใจ เพื่อเกทับผู้เล่นอื่น) ด้วยการบอกวิธีเล่นเกมทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้ร้องขอ หรือจนถึงขั้นมีการละเมิดความเป็นส่วนตัวเล็ก ๆ ด้วยการกดปุ่มคีย์บอร์ดหรือเมาส์ตามอำเภอใจ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ได้เกิดขึ้นทั่วโลก และชาวไทยมักเรียกชื่อเล่นสำหรับเหล่า Backseat Gaming กันว่า “เด็กเกาะเบาะ” ตามหัวข้อของบทความ เด็กเกาะเบาะร้านเกม

โดยเด็กเกาะเบาะ ไม่ได้เจอเฉพาะแค่ในสถานที่อินเทอร์เน็ตคาเฟ่อย่างเดียวอีกต่อไป แต่มันก็เกิดขึ้นได้ในทุกสถานที่ ทุกปาร์ตี้ หรือแม้กระทั่งแพลตฟอร์มไลฟ์สตรีม จนตอนนี้ มันกลายเป็นปัญหาระดับทั่วไป (Common) ที่เหล่าสตรีมเมอร์ต้องหาทางรับมือกับมัน

BACKSEAT GAMING ปัญหาที่สตรีมเมอร์ต้องเผชิญหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แน่นอน แม้ธุรกิจอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ซบเซาลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากเกมเมอร์เริ่มมีคอมพิวเตอร์ส่วนตัว รวมถึงการระบาดของโรค COVID-19 ได้ส่งผลกระทบทำให้ร้านต้องปิดตัวเร็วขึ้น แต่ Backseat Gaming หรือ เด็กเกาะเบาะ ก็ไม่ได้หายตัวไปไหน เพราะยังคงพบเห็นได้ตามคอมเมนต์ไลฟ์สตรีมต่าง ๆ เด็กเกาะเบาะร้านเกม

ก็จริงที่ Backseat Gaming ไม่ใช่ปัญหาร้ายแรงเหมือนกับการแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม (Toxic) หรือการก่อกวน (Harassment) แต่ปัญหาเหล่านี้มันพบเจอบ่อย และถี่มาก ๆ จนสามารถทำลายบรรยากาศไลฟ์สตรีมได้เช่นกัน ปัญหา Backseat Gaming ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากความไม่ได้ตั้งใจ ที่ผู้ชมอยากหวังดี ให้สตรีมเมอร์ได้รับประสบการณ์การเล่นที่ดี เหมือนที่ผู้ชมได้รับจากการเล่นเกมด้วยตัวเอง แต่อย่างไรก็ตาม ความหวังดีก็อาจกลับมาทำร้ายสตรีมเมอร์ เพราะว่าการสปอยล์สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นข้างหน้า เป็นการทำลายเซอร์ไพรส์จากการเล่นเกมครั้งแรกได้ ซึ่งปัญหานี้มักจะเห็นบ่อยตามไลฟ์สตรีมเกมประเภท Singleplayer เน้นเนื้อเรื่องเป็นหลัก

เด็กเกาะเบาะ

นอกจากนี้ ทุกการกระทำที่มีการแสดงความคิดเห็น ทุกการตัดสินใจ และทุกวิธีการเล่น สิ่งนี้สร้างแรงกดดันมหาศาลให้กับสตรีมเมอร์ ส่งผลให้ผู้เล่นไม่สนุกกับการเล่น การสูญเสียความมั่นใจและการเล่นเกมจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้การดูสตรีมแบบสดเกิดความเครียด ไม่เจ๋ง และไม่สนุกในที่สุด หาก Backseat Gaming ทำเบาะหลังได้อย่างถูกต้องและในเวลาที่เหมาะสม มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับข้อเสียทั้งหมด จะสร้างบรรยากาศการออกอากาศที่มีชีวิตชีวา มันอาจจะสนุกมาก ตัวอย่างเช่น หากสตรีมเมอร์ขอความช่วยเหลือจากผู้ชม ผู้ชมจะให้คำแนะนำจนกว่าผู้เล่นจะสามารถผ่านด่านสิ่งกีดขวางได้ สิ่งนี้ทำให้สตรีมเมอร์มีแรงจูงใจในการเล่นเกมต่อไป และสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทั้งสองฝ่าย มันเหมือนกับว่าสตรีมเมอร์และผู้ชมร่วมผจญภัยไปกับเกมด้วยกัน

สุดท้าย Backseat Gaming เป็นวัฒนธรรมในวงการเกมอย่างหนึ่งที่อยู่คู่กับเรามานานแสนนานแล้ว แม้กำลังเป็นประเด็นถกเถียงกันว่ามันเป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่ควรเข้ามามีการควบคุม หรือเป็นสิ่งที่ต้องดำรงรักษาไว้ เพราะหาก Backseat อย่างถูกต้อง มันทำให้การไลฟ์สตรีมมีสีสันมากขึ้น เด็กเกาะเบาะร้านเกม

แต่แน่นอนว่าอะไรที่มากเกินไปย่อมต้องไม่ดีอยู่เสมอ ฉะนั้นการเคารพวิธีเล่นเกมของสตรีมเมอร์ที่แต่ละคนไม่เหมือนกัน, ไม่ Backseat มากเกินไปจนสร้างความรำคาญให้สตรีมเมอร์ และให้ความช่วยเหลือเมื่อยามจำเป็น เพื่อรักษาบรรยากาศการเล่นเกมไว้จะเป็นการดีที่สุด

 


บทความที่เกี่ยวข้อง

bg เกมมือถือน่าเล่น