jump force หากเราพูดถึงเกมครอสโอเวอร์สุดยิ่งใหญ่ที่นำตัวละครจากเรื่องราวมังงะญี่ปุ่นมากมาย เข้าร่วมเกมเดียวกันด้วยกัน หลายๆ คนคงจำ Jump Force เกมต่อสู้อารีน่าที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามทั้งในวงการเกมและคอการ์ตูนในปี 2019 รวมถึงเกมเมอร์ในพื้นที่ของเราด้วย
อย่างไรก็ตาม Bandai Namco เพิ่งประกาศว่าจะปิดเซิร์ฟเวอร์โหมดออนไลน์ ได้ระงับการเปิดตัวเกม Jump Force บนแพลตฟอร์มดิจิทัลทั้งหมดแล้ว ข่าวนี้สร้างความประหลาดใจให้กับเกมเมอร์หลายคน และนั่นทำให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Jump Force
JUMP FORCE คือเกมอะไร ?
jump force เป็นเกม Arena Fighting ที่นำตัวละครจากนิตยสารมังงะชื่อดัง Weekly Shōnen Jump เช่น Naruto, Dragon Ball, One Piece, City Hunter, Death Note, JoJo’s Bizarre Adventure, Bleach และมังงะคลาสสิกอีกหลายเรื่อง ได้มารวมตัวอยู่ในเกมเดียวแล้วต่อสู้ด้วยกันเอง
เกมพัฒนาโดยทีมงาน Spike Chunsoft หรือผู้สร้างเกมตระกูล Danganronpa อันเลื่องชื่อ รวมถึงตัวละครใหม่ในเกมทั้งหมด ถูกออกแบบโดยอาจารย์ อากิระ โทริยามะ หรือผู้ให้กำเนิด Dragon Ball และสุดท้าย เกมดังกล่าวถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี นิตยสาร Weekly Shōnen Jump อย่างเป็นทางการอีกด้วย
การเปิดตัว Jump Force ได้สร้างกระแสไฮป์แก่เกมเมอร์หลายคน เพราะมันคือเกมที่แฟน ๆ มังงะต่างใฝ่ฝันอยากให้เป็นจริงมาโดยตลอด นอกจากนี้ เกมดังกล่าวเป็นที่สนใจสำหรับผู้เล่นชาวไทย เพราะเป็นเกมที่รองรับเมนูภาษาไทยอย่างเต็มรูปแบบ จึงไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ Jump Force ได้เป็นหนึ่งในเกมปี 2019 ที่หลายคนต่างรอคอยอย่างไม่ต้องสงสัย
กระแสตอบรับ JUMP FORCE ที่ไม่สวยหรูเหมือนที่หลายคนรอคอย
Jump Force เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2019 เกมดังกล่าวไม่ได้รับการตอบรับอย่างมีวิจารณญาณอย่างที่สมควร จากข้อมูลของ Metacritic Jump Force เป็นเกมที่มีคะแนนบทวิจารณ์เฉลี่ยอยู่ที่ 50 ถึง 60 หรือคุณภาพเฉลี่ยถึงปานกลาง สำหรับพีซี, Xbox One, PlayStation 4 และ Nintendo Switch เกมนี้เพียงพอที่จะฆ่าคุณ ได้เวลา. แต่ไม่มีอะไรน่าจดจำเป็นพิเศษเกิดขึ้นหลังจากที่ฉันเล่นเสร็จแล้ว
สื่อเกมหลายแห่งวิจารณ์ Jump Force เป็นเกมต่อสู้ที่มีข้อเสียมากกว่าข้อดี คุณภาพของเรื่องไม่ดี ดังนั้นจึงไม่มีอะไรน่าสนใจเป็นพิเศษ และระบบการต่อสู้นั้นง่ายมากจนเกมที่ซ้ำซาก (ซ้ำซาก) เริ่มน่าเบื่อหลังจากเล่นไป 1-2 ชั่วโมง ระบบออนไลน์ประสิทธิภาพ เหนือสิ่งอื่นใด นักเล่นเกมวิพากษ์วิจารณ์โมเดลตัวละครในเกมว่า ‘สมจริง’ เกินไป จุด. มันเป็นรูปลักษณ์ที่น่ากลัวที่ไม่เหมาะกับตัวละครญี่ปุ่น
แม้ว่า Jump Force จะมีกราฟิกเอฟเฟกต์อนุภาคที่สวยงามในรูปแบบ Unreal Engine 4 และเนื้อหาแฟนเซอร์วิสมากมาย น่าเสียดายที่เนื้อหาดังกล่าวไม่สามารถชดเชยคุณภาพโดยรวมของข้อบกพร่องของเกมได้ ทำให้ Jump Force เป็นหนึ่งในเกมที่น่าผิดหวังที่สุดในปี 2019 ถึงแม้จะไม่ใช่เกมที่แย่ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม Bandai Namco ยังคงอัปเดตเนื้อหาของเกมต่อไป การเพิ่มเครื่องบินรบใหม่ในรูปแบบ DLC และรายงานยอดขาย Jump Force 76,894 หน่วยในสัปดาห์แรกในญี่ปุ่น ซึ่งแซงหน้า Catherine: Full Body ที่ขายได้ 51,824 หน่วย ถือเป็นสัญญาณว่าเกม Jump Force ยังคงดำเนินต่อไปได้
อวสาน JUMP FORCE
อย่างไรก็ตาม เกม Jump Force ได้มาถึงกาลอวสานอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด เพราะ ทาง Bandai Namco ได้ประกาศปิดเซิร์ฟเวอร์สำหรับการเล่นโหมดออนไลน์ รวมถึงยุติการวางจำหน่ายเกม และ DLC บนแพลตฟอร์มขายเกมดิจิทัลทั้งหมดภายในเดือนกรกฎาคม ปี 2022 โดยคนที่มีเกมอยู่แล้วจะสามารถเข้าเล่นได้แค่เนื้อเรื่อง Singleplayer เท่านั้น
การปิดเซิร์ฟเวอร์ กับยุติการวางขาย Jump Force ภายในปี 2022 ได้สร้างความตกใจแก่เกมเมอร์หลายคน เนื่องจากเป็นประกาศที่กะทันหันมาก ๆ และไม่คิดมาก่อนว่าทีมงานจะถอดเกมออกจากร้านค้าด้วย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้คนเล่นหลายคน สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับ Jump Force กันแน่ ?
แล้วเกิดอะไรขึ้นกับ JUMP FORCE ?
ทีมพัฒนาเกม Bandai Namco ไม่ได้เปิดเผยเหตุผลที่แน่ชัด อย่างไรก็ตาม จากการคัดกรองล่วงหน้าของเรา เราเชื่อว่านี่คือสาเหตุที่เกม Jump Force จึงต้องปิดเซิร์ฟเวอร์ออนไลน์ของตน และมีการระงับการจำหน่ายซึ่งอาจเป็นเพราะตัวเกมไม่ได้รับความนิยมจากผู้เล่นอย่างที่คาดไว้
Bandai Namco ไม่เคยเปิดเผยตัวเลขยอดขายอย่างเป็นทางการของ Jump Force บนแพลตฟอร์มใดๆ เลย อย่างไรก็ตาม เมื่ออ้างอิงถึงเว็บไซต์ Steam Spy ข้อมูลดิบบ่งชี้ว่ามีผู้ใช้ Steam ประมาณ 500,000 ถึง 1 ล้านคนที่เป็นเจ้าของ Jump Force เวอร์ชันพีซี และในเดือนสิงหาคม 2020 นิตยสาร Famitsu ได้เปิดเผยว่า Jump Force Deluxe เวอร์ชัน Nintendo Switch เปิดตัวแล้ว ยอดจำหน่ายฉบับฉบับอยู่ที่ 15,588 ชุด และคาดว่า Jump Force จะขายได้ทั้งหมด 1 ถึง 2 ล้านชุด
Jump Force อาจขายได้มากกว่าล้านเล่ม แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นสถิติที่ไม่ดี แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเกมจะสร้างรายได้ที่ดีในที่สุด อย่าลืมว่า Jump Force มีบทวิจารณ์โดยเฉลี่ยสำหรับเกมที่ยุติธรรม แน่นอนว่าเราไม่แนะนำให้นักเล่นเกมที่สนใจเล่น Jump Force หลังจากที่เห็นคะแนนรีวิวสีเหลืองบน Metacritic ซื้อเกมในราคาเต็ม และคุณจะซื้อเกมในช่วงลดราคาแทน ซึ่งหมายความว่า Bandai Namco จะไม่สามารถทำกำไรได้เต็มที่จากการขาย Jump Force
นอกจากนี้ Jump Force ยังมีจำนวนผู้เล่นที่ไม่น่าประทับใจมาเป็นเวลานาน ตามเว็บไซต์ SteamDB จนถึงปี 2020 Jump Force มีผู้เล่นเกมผ่าน Steam โดยเฉลี่ย 500-1,000 คน โดยบางวันมีเพียง 400-200 คนเท่านั้น SteamDB เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมที่ Jump Force มีผู้ใช้งาน Steam พร้อมกันถึง 9,855 คนในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2019 จำนวนผู้เล่นของเกมเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีเพียง 1,259 คนเล่นเกมบน Steam ณ วันที่ 7 มีนาคม 2019 ตัวเลขเหล่านี้พิสูจน์ว่า Jump Force ได้รับความนิยมในช่วงเวลาสั้นๆ
นอกจากนี้ เนื่องจาก Jump Force เป็นเกมที่นำตัวละครชื่อดังจากนิตยสารมังงะ Weekly Shōnen Jump หลายเรื่อง มารวมอยู่ในเกมเดียวกัน จึงมีความเป็นไปได้ว่า Jump Force เป็นเกมที่ใช้ต้นทุนการสร้างสูงกว่าเกมอนิเมะอื่น ๆ ทั่วไป เพราะทีมงานต้องจ่ายเงินซื้อลิขสิทธิ์ให้กับหลายเรื่อง และพวกเขายังต้องจ่ายเงินค่าลิขสิทธิ์ตามสัญญาต่อไป ตราบใดที่ตัวเกมยังวางจำหน่ายตามปกติ
ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมา จึงคาดเดาว่าสาเหตุหลักที่ Bandai Namco ตัดสินใจปิดเซิร์ฟเวอร์ และยุติการวางจำหน่ายเกม Jump Force บนแพลตฟอร์มขายเกมดิจิทัล อาจเพราะทีมงานวิเคราะห์แล้วว่าเกมดังกล่าวไม่สามารถทำให้กลับมาได้รับความนิยม หรือกระตุ้นยอดขายได้อีกครั้ง ทีมงานจึงทำการเตรียมปิดเซิร์ฟเวอร์พร้อมงดวางจำหน่ายเกม เพื่อบริษัทไม่ต้องเสียเงินไปกับการจ่ายค่าลิขสิทธิ์และค่าเซิร์ฟเวอร์อีกต่อไป แล้วนำเงินไปพัฒนาส่วนอื่น ๆ ที่มีประโยชน์กว่า เช่น เทคโนโลยี ซอฟต์แวร์ และเกมใหม่ที่ดูมีอนาคตที่สดใสกว่า Jump Force เช่น Tekken, Tales of, Dragon Ball, Ace Combat กับ The Idolm@ster เป็นต้น
หรือมีความเป็นไปได้ว่า Bandai Namco อาจมีการต่อรองเจรจาลิขสิทธิ์กับ Weekly Shōnen Jump ที่ไม่ลงรอยกัน จึงส่งผลกระทบทำให้ Jump Force ไม่สามารถวางจำหน่ายได้อีกต่อไปด้วยสาเหตุบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับสัญญาระหว่างสองฝ่าย
บทความที่เกี่ยวข้อง