dota คือ ล่าสุด Dota 2 Patch 7.23 ที่หลายคนล้อเล่นผ่านไปแล้ว แพทช์อื่นที่เปลี่ยนแปลงเกมโดยสิ้นเชิง แม้หลังจากแพตช์ 7.20 ก็มีการอัปเดตเมื่อปลายปีที่แล้ว อาจกล่าวได้ว่ามีมากกว่า 2 ภูมิภาค แต่น้อยกว่า 4 ภูมิภาค Dota การอัปเดตนี้ยังเป็นองค์ประกอบที่ช่วยให้ผู้เล่นที่รู้สึกเบื่อเนื่องจากขาดการอัปเดตใด ๆ ตั้งแต่ TI 2019 สามารถเล่นได้อย่างมีพลังมากขึ้น นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้ผู้เล่นปัจจุบันและผู้เล่นใหม่ใช้โอกาสการเรียนรู้ใหม่นี้เพื่อเชื่อมต่อกับเกมได้อย่างราบรื่น เพื่อจะได้ไม่ต้องเจอกับเกมที่ยากเกินไป ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเล่น Dota 2
แต่สิ่งนี้กลับนำเรากลับมาสู่ปัญหาหนึ่งที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในโลกเกมเมอร์ (เฉพาะชาวไทย) นั่นหมายความว่าควรออกเสียงอย่างไร: “DotA2” และ “DotA2” (หรือชื่ออื่น ๆ ) ในชื่อเกม Dota 2 อะไรก็ตาม) วันนี้เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับที่มาของชื่อทั้งสองนี้กัน ลืมแพทช์อันเจ็บปวดได้เลย การแข่งขันทำให้ฉันหนักใจอยู่พักหนึ่ง แล้วมาเรียนรู้อะไรสนุกๆ เอาความรู้นี้ไปเติมความสดใสให้สมองกันสักหน่อย แม้ว่าคุณจะเรียกชื่อพวกเขา เราก็รับประกันได้ มีเรื่องราวและสิ่งที่น่าสนใจค่อนข้างน้อย โปรดติดตามชมไปพร้อมๆ กันนะครับ
dota คือ อะไร
dota คือ Defense of the Ancients (DotA) สำหรับผู้ที่ติดตามวงการเกมมาอย่างยาวนาน หรือเป็นเกมเมอร์สาย MOBA ก็คงจะรู้จักกันดี ว่านี่คือจุดเริ่มต้นที่ของตำนานแห่งเกม 5 เลนตีป้อมที่โด่งดังจันมาถึงปัจจุบัน และสำหรับประเทศไทย วงการ Esports บ้านเราก็แทบจะเรียกว่าเติมโตมาพร้อมกับเกม DotA เลยก็ว่าได้
เชื่อว่าเกมเมอร์หลายคน โดยเฉพาะที่อายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป ก็น่าจะเคยร่วมเป็นสักขีพยานในความยิ่งใหญ่ของเกมนี้กันมาแล้วไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นทั้งคนที่เคยเล่น หรือเคยได้ยินก็ตาม แต่ทุกคนยังจำได้หรือไม่ว่า ในตอนนั้นเราอ่านคำว่า “DotA” ว่ายังไง ?
โดต้า vs. ดอทเอ
สองคำนี้เคยกลายเป็นปัญหาระดับชาติของเหล่าเกมเมอร์มาแล้วครั้งหนึ่ง แม้ว่าทุกวันนี้ทุกคน(เหมือน) จะหาข้อสรุปร่วมกันได้แล้ว แต่ในเรื่องการอ่านคำว่า DotA (และ Dota) ก็ยังมีคนที่เรียกด้วยทั้งสองคำนี้อยู่ดี ว่าแล้ว เรามาเริ่มเข้าประเด็นกันเลยดีกว่า
1.ตกลงแล้วมันอ่านว่ายังไง ?
ตามหลักการอ่านแล้ว ทั้ง DotA และ Dota ทั้งสองอ่านว่า “โดต้า” อย่างแน่นอน ซึ่งในเรื่องนี้สามารถยืนยันได้ด้วยการอ่านของเจ้าของภาษา ที่เราพบเห็นได้ตามสื่อ วิดิโอ และการแข่งขันต่างๆ โดยแม้คำว่า DotA จะย่อมาจาก Defense of the Ancients แต่เมื่อเป็นคำย่อแล้ว ก็ต้องอ่านว่า “โดต้า” อยู่ดี
2. แล้วทำไมเราถึงอ่านว่า “ดอทเอ”
เรื่องนี้ที่จริงแล้วจะบอกว่าเป็นการเข้าใจผิด หรือจะบอกว่าเป็นความเคยชินก็ได้ เนื่องจากว่าชื่อเกม Defense of the Ancients ในยุคแรกที่เป็นแผนที่ของเกม Warcraft นั้น หากย่อออกมาแล้วก็จะได้คำว่า “DotA” อย่างที่เราทราบๆ กับ โดยมีหลักการคือ
- D ตัวพิมพ์ใหญ่ ย่อมาจากคำว่า “Defense” เพราะเป็นคำนาม (Noun), โดยหากเป็นกริยา(Verb) จะเป็น Defend จึงต้องเขียนเป็นตัวพิมพ์ใหญ่
- o เป็นตัวพิมพ์เล็ก ย่อมาจากคำว่า “of” เป็นบุพบท (Preposition) ต้องเขียนเป็นตัวพิมพ์เล็ก
- t เป็นตัวพิมพ์เล็ก ย่อมาจากคำว่า “the” ซึ่งเป็นอาติเคิล (Article) ต้องเขียนเป็นตัวพิมพ์เล็ก
- A เป็นตัวพิมพ์ใหญ่ ย่อมาจากคำว่า “Ancients” ซึ่งเป็นได้ทั้งคำนาม(Noun)และ คำคุณศัพท์ (Adjective) แต่ในที่นี้เป็นคำนาม ต้องเขียนเป็นตัวพิมพ์ใหญ่
ด้วยการที่มีตัว A เป็นตัวใหญ่ เป็นสาเหตุที่ทำให้คนไทยหลายคนเรียกชื่อนี้ตามความเคยชินว่า “ดอทเอ” นั่นเอง และคำๆ นี้แพร่กระจายในสังคมเกมเมอร์ในยุคนั้นอย่างรวดเร็ว ชนิดที่เรียกว่าหากพูดกับเพื่อน หรือคนอื่นๆ ว่า “โดต้า” พวกเขาอาจจะเกาหัวด้วยความึนงงว่าคุณกำลังพูดถึงเกมไหนอยู่เลยก็เป็นได้
3. แล้วมันผิดไหมที่อ่านว่า “ดอทเอ”
หลังจากที่หลายๆ ฝ่ายพยายามหาข้อยุติในเรื่องนี้ด้วยกัน สุดท้ายก็สรุปได้ว่า “เรียกได้ทั้งคู่” โดยมีเหตุผลสนับสนุนหลายประการ
- อย่างแรกคือ คำว่า “ดอทเอ” นั้นแม้จะผิดหลักการอ่าน แต่มันก็ได้กลายเป็นคำเรียกที่ทุกคนเข้าใจตรงกันไปแล้วอย่างแพร่หลาย ซึ่งก็คือว่ามันได้ทำหน้าที่ของมันอย่างสมบูรณ์แล้ว ถึงมันจะเป็นคำที่ใช้กันในเฉพาะแค่คนไทยก็ตามที
- อย่างที่สอง ต่อเนื่องจากข้อแรก คือจุดมุ่งหมายของชื่อนั่นก็คือการใช้เพื่อบอกตัวตน เพื่อให้ผู้ที่สื่อสารสามารถระบุเฉพาะเจาะจงสิ่งที่ต้องการพูดถึงได้อย่างถูกต้อง ในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะพูดว่า “ดอทเอ” หรือ “โดต้า” ทุกคนก็เข้าใจว่าเป็นเกมเดียวกันทั้งคู่ ทำให้นี่เป็นเหตุผลแรกว่าทำไมการใช้คำว่า “ดอทเอ” ถึงไม่ได้ผิดอะไร และเพราะเรื่องนี้เอง การที่คนไทยเรียก DotA ว่า ดอทเอ ยังช่วยให้สามารถเรียกชื่อภาคของเกมได้ง่ายมากขึ้น โดยบางคนจะใช้คำว่า “ดอทเอ” เพื่อใช้แทน Defense of the Ancients ที่เป็นภาคแรก และใช้คำว่า “โดต้า” แทนเกมภาคต่อของ Valve กลายเป็นว่านอกจากจะไม่ผิดแล้ว การเรียกชื่อเกมเช่นนี้ก็ยังทำให้ระบุตัวตนของเกมนั้นทำได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
- อย่างที่สาม สิ่งนี้มันไม่ได้ผิดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ฟังดูกำปั้นทุบดิน แต่เหตุผลก็คือ ภาษาอังกฤษนั้นไม่ใช่ภาษาของมนุษย์ทุกคน ดังนั้นเมื่อภาษาอังกฤษไปอยู่กับคนชาติไหน มันก็จะถูกปรับให้เข้ากับธรรมชาติของคนชาตินั้นๆ ด้วย สิ่งนี้ทำให้เกิดภาษาอังกฤษสำเนียงต่างๆ ที่เราได้ยินกันบ่อยๆ เช่นไทย ญี่ปุ่น หรือรัสเซีย เป็นต้น รวมถึงคำบางคำที่อาจเรียกอีกแบบหนึ่ง ในประเทศนั้นๆ ก็มีอยู่มากมายเช่นกัน
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพกันซักเล็กน้อย ในภาพยนตร์เรื่อง Battleship (2012) จะมีฉากหนึ่งที่กัปตันชาวญี่ปุ่นแนะนำให้ลูกเรืออเมริกาใช้ระบบของทุ่นของ NOAA ในการหาศัตรูซึ่งในฉากนี้ ผู้พันชาวญี่ปุ่นจะออกเสียง NOAA ว่า “โนเอเอ” (จริงๆ มันอ่าว่า โนอาร์)
พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินชาวอเมริกันก็มีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน แต่พวกเขารู้ว่าพันเอกนากาตะกำลังพูดถึงอะไร เรื่องนี้ยังแสดงให้เห็นว่ามีการเรียกชื่อผิด (ฉันเข้าใจ) ไม่ใช่แค่ประเทศไทยของเราเท่านั้น และฉันไม่แน่ใจว่าคนญี่ปุ่นเรียก NOAA ว่า “NoAA” จริงหรือไม่
ย้อนกลับไปสู่เรื่องราวของ DotA เรามาถึงปัจจุบันหลังจากที่ Valve ร่วมมือกับ Iceforg เพื่อสร้าง Dota 2 คราวนี้เกมนี้ใช้ชื่อว่า Dota โดยมีตัวอักษร A เป็นตัวพิมพ์เล็ก แม้ว่าจะเรียกนักเล่นเกมรุ่นเก่าและรุ่นหลังว่า ‘Dodatu’ ได้สะดวกกว่า แต่ก็ยังมีคนเรียกพวกเขาว่า ‘DotA2’ หรือ ‘DotA2’
4. เรื่องอื่นๆ
- เนื่องจากคงจะมีแค่ประเทศไทยเท่านั้นที่เรียก DotA ว่า “ดอทเอ” ทำให้ข้อมูลเรื่องการอ่านออกเสียงคำนี้จึงแทบไม่มีบันทึกในแหล่งไหนๆ เลย มีเพียงคำบอกเล่าแบบปากต่อปาก และส่วนใหญ่ก็จะสรุปว่า “อ่านได้ทั้งคู่” ดั่งที่ได้กล่าวไป
- มีผู้เล่นบางส่วนให้ข้อมูลว่าทาง Ice frog เรียกเกมของพวกเขาว่า “ดีโอทีเอ” บางรายยังระบุว่า พวกเขาเคยส่ง Email ไปหาทางผู้สร้างมาแล้ว และพวกเขาตอบว่าจะเรียกแบบไหนก็ได้
- ชาว Overclock Zone ที่เป็นหนึ่งในเว็ปเบอร์ชื่อดังในสมัยก่อน ได้เคยสร้างโพลสำรวจว่าชาวบอร์ดเรียก DotA แบบไหนมากกว่ากัน ผลก็คือ สัดส่วนของผู้ที่เรียกว่า “ดอทเอ” และ “โดต้า” แทบจะเป็น 50/50 เลยทีเดียว
- เชื่อว่าในปัจจุบัน ผู้ที่เริ่มเล่นจาก Dota 2 น่าจะเรียกเกมนี้ว่า “โดต้า” กันหมดแล้ว จึงสามารถใช้เรื่องนี้ดูได้คร่าวๆ ว่า ใครเล่นเกมมานานกว่ากัน โดยหากคนๆ นั้นเรียกเกมนี้ว่า “ดอทเอ” แสดงว่าพวกเขาน่าจะเป็นคนที่เล่นเกมมานานมากแล้ว อย่างน้อยไม่ต่ำว่า 10 ปีอย่างแน่นอน
บทความที่เกี่ยวข้อง